Table of Contents
“น้ำมันตับปลา” กับ “น้ำมันปลา” ต่างกันอย่างไร
“น้ำมันปลา” กับ “น้ำมันตับปลา” ถือเป็นสองสิ่งที่สามารถเสริมประโยชน์ให้กับร่างกายแต่ใครหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าน้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาแตกต่างกันออกไป รวมถึงยังมีข้อดีในด้านต่าง ๆ กับร่างกายที่แตกต่างกัน
ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักน้ำมันปลากับน้ำมันตับปลา รวมไปถึง ประโยนช์ต่าง ๆ ที่น้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาสามารถให้แก่ร่างกาย เพื่อเป็นข้อแนะนำให้กับผู้ที่กำลังมองหาอาหารเสริมน้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาต่าไป ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านข้อมูลต่าง ๆ กันเลย !
“น้ำมันตับปลา” กับ “น้ำมันปลา” คืออะไร?
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “น้ํามันปลา” กับ “น้ํามันตับปลา” แต่นึกว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกัน แต่ความจริงแล้ว น้ํามันปลากับน้ํามันตับปลามีความแตกต่างกัน โดยทั้งสองสิ่งมีข้อมูลเบื้องต้นดังนี้
น้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil)
น้ำมันตับปลา (Cod liver oil) ได้มาจากการสกัดตับของปลาทะเลน้ำลึก โดยปลาที่นิยมใช้จะเป็นปลาค็อด แต่เราสามารถสกัดได้จากตับของปลาฉลาม ปลาแมคคาเรล หรือปลาซาดีนได้เช่นกัน โดยน้ำมันตับปลามีวิตามินเอและวิตามินดีสูง ถือเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
น้ำมันตับปลาช่วยอะไร เหมาะกับใครบ้าง?
- มีส่วนช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน จึงสามารถช่วยป้องกันโรคฟันผุขั้นรุนแรง โรคกระดูกอ่อนในเด็ก และภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ เป็นต้น
- มีส่วนช่วยในการดีท็อกซ์ ขับสารพิษภายในร่างกาย
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุมกันของร่างกาย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณดียิ่งขึ้น
- ช่วยในการกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและสมานแผล
ข้อควรระวังในการทานน้ำมันตับปลา
เนื่องจากน้ำมันตับปลามีวิตามินเอและวิตามินดีสูง หากได้รับมากจนเกินไปอาจเกิดอาการคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ และเป็นผื่นบนผิวหนังได้ เป็นต้น รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริมน้ำมันตับปลา
น้ำมันปลา (Fish Oil)
น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นน้ำมันที่ได้จากการสกัดเอาน้ำมันจากส่วนต่าง ๆ ของปลาทะเล เช่น หนังปลา หางปลา และหัวปลา เป็นต้น โดยจะใช้ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแองโชวี่ ปลาแมคเคอเรล หรือปลาทูน่ามาสกัดให้ได้น้ำมัน ซึ่งปลาเหล่านี้จะมีกรดไขมัน Omega-3 ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
น้ำมันปลาช่วยอะไร เหมาะกับใครบ้าง?
- มีประโยชน์ต่อหัวใจและสมอง จึงเหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
- ช่วยเรื่องความดันโลหิต จึงมีประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทานอาหารไขมันสูง หรือมีภาวะไตรกลีเซอร์ไรด์สูง
- สามารถช่วยผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อได้ ไม่ว่าจะปวดข้อเข่า ข้อเข่าเสื่อม หรือข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น
- มีส่วนช่วยเรื่องผิวพรรณ ให้ผิวไม่แห้งแตก
ข้อควรระวังในการทานน้ำมันปลา
เนื่องจากน้ำมันตับปลามีคุณสมบัติในการช่วยให้เลิดแข็งตัว จึงควรระมัดระวังในการรับประทานอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ผู้ที่รับประทานยาจำพวกแอสไพรินหรือวาร์ฟาริน, ผู้ที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด, ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ และผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
สรุปความแตกต่างระหว่างน้ำมันปลากับน้ำมันตับปลา
“น้ำมันปลา” กับ “น้ำมันตับปลา” ถือเป็นอาหารเสริมที่สามารถให้ประโยชน์มากมายแก่ร่างกายโดยน้ำมันปลากับน้ำมันตับปลามีความแตกต่างกันจากแหล่งที่มาเนื่องจากน้ำมันปลาคือน้ำมันที่สกัดมาจากส่วนต่าง ๆ ของปลา แต่น้ำมันตับปลาคือน้ำมันที่ได้สกัดมาจากเพียงตับของปลาเท่านั้น
โดยอาหารเสริมเหล่านี้ กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่มองหาสิ่งที่ช่วยเสริมสุขภาพที่ดีให้กกับร่างกาย ดังนั้น หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจในการผลิตอาหารเสริมน้ำมันปลากับน้ำมันตับปลา SSP Biotech ในเครือ Seven Stars Pharmaceutical พร้อมให้บริการ ด้วยวัตถุดิบอาหารเสริมที่ได้คุณภาพ และบริการแบบ One Stop Service เราสามารถช่วยผลิตอาหารเสริมที่ได้มาตรฐานเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับแบรนด์ของคุณ
ประชุมฝ่ายขายแบ่งปันความรู้ระหว่างแผนกผู้แทนขาย การตลาด ODMและR&D
วันที่ 28 สิงหาคม 2567 คณะผู้บริหารจัดประชุมยอดขายแผนกผู้แทนและแลกเปลี่ยนความระหว่างตัวแทนแต่ละแผนกเพื่อการทำงานในอนาคต
Seven Stars Pharmaceutical ฉลองครบรอบ 17 ปี
วันที่ 28 สิงหาคม 2567 – เครือบริษัท Seven Stars Pharmaceutical จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์พร้อมเปิดงานกิจกรรมครบรอบ 17 ปี
กิจกรรม คอร์สปฏิบัติธรรม สวิปัสสนากรรมฐาน
วันที่ 21 สิงหาคม 2567 จัดกิจกรรม คอร์สปฏิบัติธรรมสวิปัสสนากรรมฐาน SEVEN STARS PHARMACEUTICAL ผู้เข้าร่วมปฏิบัติกิจกรรมพร้อมกับพระอาจารย์
Seven Stars Pharmaceutical ร่วมงาน CPHI South East Asia 2024
งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเภสัชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ด้านบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตเภสัชภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ครบวงจร