ปัญหาผิว ฝ้า เกิดจากอะไร อาหารและวิตามินไหนลดฝ้าได้บ้าง

หนึ่งในปัญหาผิวที่รักษาได้ยาก พบเห็นได้เมื่อมีอายุที่มากขึ้น คือ จุดน้ำตาล ปื้นน้ำตาลตามผิว ที่เรียกว่า “ฝ้า” นั่นเอง แม้ฝ้าจะไม่ใช่ปัญหาผิวที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บ คัน หรือเคืองผิว ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก็ยังสร้างความรำคาญใจให้ใครหลายๆคนได้ไม่ยาก เพราะปื้นหรือจุดนี้อาจทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน แถมยังใช้เวลานานในการรักษาอีกด้วย

ฝ้า (Melasma) คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร

ฝ้า คือปัญหาผิวที่มีลักษณะเป็นจุด หรือ ปื้น สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม มักจะพบได้ในเพศหญิง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องครรภ์หรือใช้ยาคุมกำเนิด หรือเพศชายและเพศหญิงที่ผิวสัมผัสกับแสงแดดบ่อยๆ และจะพบเห็นบริเวณใบหน้า ตรงหน้าผาก และโหนกแก้มมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับแสงแดดเยอะกว่าส่วนอื่น

สาเหตุการเกิดฝ้า

สาเหตุการเกิดฝ้า มาจากเม็ดสีในผิวหนังที่เรียกว่าเมลานิน ซึ่งแสงแดดมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการสร้างเมลานิน เมื่อผิวบริเวณใดบริเวณหนึ่งมีการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไป ก็จะทำให้ผิวบริเวณนั้นมีสีเข้มกว่าจุดอื่น มักเป็นสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม และอาจเข้มมากจนเป็นสีดำเลยก็ได้ หากผิวบริเวณที่เป็นฝ้ายังสัมผัสแสงแดดอยู่เรื่อยๆ ก็จะมีสีเข้มขึ้น ขยายบริเวณกว้างขึ้น และรักษาได้ยากขึ้นเพราะอยู่ในชั้นผิวหนังที่ลึกลงไปมากกว่าเดิม หรือผู้ที่เคยเป็นฝ้า และฝ้าจางลง ก็มีโอกาสกลับมาเป็นฝ้าใหม่ได้อีกเช่นกัน

วิธีการรักษาฝ้า

ชนิดของฝ้าส่งผลให้มีความตื้นลึกหนาบางไม่เท่ากัน หมายความว่ามีโอกาสที่ฝ้าบางชนิดอาจรักษาแบบหายขาดไม่ได้ ทำได้เพียงรักษาให้รอยฝ้าจางลง และหลังการรักษาหากดูแลผิวไม่ได้ ผิวยังมีการถูกแสงแดดกระตุ้น ก็สามารถกลับมาเป็นฝ้าที่ลึกกว่าเดิมได้ด้วย

การรักษาฝ้า

การรักษาฝ้าส่วนมาก มักเป็นการค่อยๆกำจัดชั้นผิวหนังออกด้วยความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มีการผลิตชั้นผิวหนังใหม่ ผลักชั้นผิวหนังเก่าออกมา ช่วยให้ฝ้าจางลงได้ เช่น

• การลอกชั้นผิวหนัง โดยผู้เชี่ยวชาญจะใช้กรดจางๆผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่เป็นฝ้า ร่วมกับการใช้เลเซอร์ หรือการฉายแสง ให้เม็ดสีหรือเมลานินแตกดัวเล็กลงอยู่ในขนาดที่ร่างกายสามารถรักษาและกำจัดออกไปได้ วิธีนี้เห็นผลได้ชัด ได้ผลเร็ว แต่ไม่สามารถทำติดต่อกันได้เพราะว่าจะทำให้ผิวบอบบางและไวต่อแสงแดด มีโอกาสเป็นแผลได้ถ้าไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
• การใช้ยาทากำจัดฝ้า โดยยากำจัดฝ้าจะมีทั้งยาที่ลดการสร้างเม็ดสี ยาที่ทำลายการสร้างเม็ดสี ยาเร่งการผลัดเซลล์ผิว หรือยาที่ผสมสเตียรอยด์ ผู้ที่ต้องการใช้ยาทากำจัดฝ้าควรปรึกษาแพทย์ และใช้ยาภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด

สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นการรักษาฝ้า เช่น การเลเซอร์หรือเข้าคลินิก สามารถรับประทานอาหารเสริมเพื่อการรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพที่สุดได้ การเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับรักษาฝ้าอาจดูผลิตภัณฑ์ประเภทสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยในการลดการอักเสบของผิว เพราะผิวที่อักเสบจะกระตุ้นให้เกิดรอยด่างดำบนใบหน้าได้ง่ายขึ้น การลดโอกาสการอักเสบจะช่วยลดแนวโน้มการเกิดฝ้าที่เข้มกว่าเดิมได้

ผู้ที่มีผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย เกิดรอยแดงหรืออาการอักเสบได้ง่าย ควรดูอาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อลดโอกาสผิวอักเสบ ป้องกันการเปิดโอกาสให้ฝ้าชัดเจนกว่าเดิม และเป็นการดูแลสุขภาพผิวโดยรวมได้อีกด้วย

การป้องกันฝ้า

การป้องกันฝ้าสามารถทำได้หลักๆด้วยการหลีกเลี่ยงปล่อยผิวให้สัมผัสแสงแดดโดยตรง เพื่อไม่ให้มีการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีภายในชั้นผิวหนัง

• ใส่หมวกเพื่อป้องกันไม่ให้แดดสัมผัสผิวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหน้าผากและโหนกแก้มซึ่งเป็นบริเวณที่โดนแดดมากที่สุด
• หากต้องทำงานที่โดนแดดเรื่อยๆ ใส่เสื้อแขนยาว หรือปลอกแขน เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดสัมผัสผิวโดยตรง
• ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงไม่ว่าจะอยู่ในอาคารหรือนอกอาคารก็ตาม เพราะแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลอดไฟในอาคาร ก็เป็นแสง UVA/UVB ที่ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน

ดูแลสุขภาพผิวป้องกันฝ้าไปกับ Seven Stars Pharmaceutical

การดูแลสุขภาพผิว ป้องกันฝ้าที่ดีที่สุด ต้องเป็นการดูแลผิวจากภายใน ดูแลร่างกายในระยะยาว เพราะการรักษาฝ้าที่เห็นผลไวและคนนิยมมักเป็นการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งร่างกายต้องผลิตเซลล์ผิวใหม่มาทดแทน และการดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารให้ครบหมู่เสมอ จะช่วยให้ร่างกายมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซม สร้างเซลล์ผิวใหม่ ให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วสำหรับการลอกชั้นผิวได้ ไม่ทิ้งรอยแผล

Seven Stars Pharmaceutical พร้อมให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับฟื้นฟูดูแลผิวจากปัญหาฝ้าโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ เซรั่ม ครีมลดรอยฝ้า หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงผิวช่วยให้ผิวกระจ่างใสลดรอยฝ้าในระยะยาว รวมถึงผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดค่า SPF สูงลดโอกาสการเกิดฝ้า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือปรึกษาหาผลิตภัณฑ์ที่ใช่ได้ที่ https://sevenstars.co.th/contact/

สรุป

ปัญหาปื้นน้ำตาล จุดน้ำตาลบนใบหน้า แม้ช่วงแรกอาจจะมาในรูปแบบของปื้นสีน้ำตาลอ่อนที่ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพ หากปล่อยไว้อาจทำให้ปื้นฝ้าดังกล่าวมีสีเข้มขึ้นจนเห็นได้ชัด และรักษาได้ยาก ต้องใช้เวลานานในภายหลัง การดูแลรักษาผิวจากแสงแดดที่แรงจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะการป้องกันการเกิดฝ้าสามารถทำได้ง่ายกว่าการรักษาฝ้า หากมีความกังวลใจก็อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีรักษาฝ้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวที่สุดได้